เจตนารมของรัฐบาลพม่ากับชีวิตของผู้ลี้ภัยสงครามที่รัฐคะฉิ่น
เจตนารมของรัฐบาลพม่ากับชีวิตของผู้ลี้ภัยสงครามที่รัฐคะฉิ่น
สำนักข่าวหงส์ทอง:พฤหัสบดี ที่ 7 ก.พ 56 : 2013
“ เป็นเวลาปีกว่ามาแล้ว
เพื่อที่จะให้การช่วยเหลือผู้ลี้ภัยสงครามชาวคะฉิ่นเหล่านี้
ทางรัฐบาลไม่เคยเตรียมการอะไรให้เลย บางกลุ่มที่มาให้การช่วยเหลือ แต่ก็ถูกทางรัฐบาลกีดกันไม่อนุญาตให้ก็มี รัฐบาลทรมานปล่อยให้อดตาย ทรมานจนสาแก่ใจ จนกระทั่งถึงวันที่ 4 ก.พ 56
นี้ ได้เปิดประเด็นถึงประกาศออกมาเพื่อที่จะให้การช่วยเหลือนั้น มันผิดเกินไป
ที่ชาวคะฉิ่น มีชีวิตต้องลี้ภัยสงครามนั้น
เป็นการกระทำของรัฐบาลพม่าเอง ตอนนี้ถึงได้ออกมาเสนอหน้า
ทำเป็นพูดดีเพื่อเอาหน้านั้น มันเกินไปหรือเปล่า ” ต่างกล่าวกัน
รัฐบาลพม่านั้น
ได้พิจารณา สงสาร ต่อพวกที่ต้องละทิ้งบ้านเรือนและไร้ที่อยู่อาศัยในพื้นที่
เพราะต้องลี้ภัยสงครามนั้น
เพื่อจะได้ช่วยเหลือและทำการจัดเตรียมให้นั้น เมื่อวานนี้จึงได้ประกาศออกมา
ผู้ลีภัยสงครามกล่าวว่า
กกล.รัฐบาลพม่า มีการละเมิดสิทธิมนุษย์ชน ต่อชาวบ้านไว้ด้วย เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทางองค์การนาๆชาติ
ควรที่จะต้องตรวจสอบหาข้อเท็จจริงนั้น ก็ได้ร้องขอไว้เหมือนกัน เนื่องจาก กกล.รัฐบาล
ได้ยิงปืนใหญ่ใส่หมู่บ้าน
แล้วอยู่ๆก็หาเรื่อง
ทุบตีชาวบ้านและใส่ร้ายชาวบ้านผู้บริสุทธิ์แล้วยิงทิ้งก็มี
ด้วยการกระทำอย่างนี้นั้นเอง ชาวบ้านจึงไม่กล้าอยู่ในหมู่บ้านของตน
จึงต้องอพยพจนกลายเป็นผู้ลี้ภัยสงครามไป
หน.ผู้ลี้ภัยสงครามนั้นกล่าว
ไม่ใช่แค่นั้น
ผู้ใจบุญจะมาบริจาคให้ผู้ลีภัยสงครามเหล่านี้ แต่ก็ถูกทางรัฐบาลไม่เปิดโอกาสให้
ไม่อนุญาตให้เข้าไป แล้วที่หมู่บ้านต่างๆถูกไฟไหม้นั้น
ทหารของรัฐบาลพม่าเป็นผู้ลงมือเผาเอง มีทั้งเข่นฆ่าชาวบ้านอีกด้วย
ที่พวกเขากระทำอย่างนี้ อยากจะบีบบังคับ KIO แล้วจึงได้ดำเนินการอย่างนี้ เราเข้าใจอย่างนั้น หน.ของผู้ลี้ภัยสงครามนั้นกล่าว
ตามที่
หน.ของผู้ลี้ภัยสงครามเข้าใจนั้น เมื่อวันที่ 4 ก.พ 56 นั้น รัฐบาลกับ KIO ได้พบปะเจรจากัน (ที่ชวยลี เมืองชายแดน
ประเทศจีน) เกี่ยวกับการลดประสิทธิภาพทางทหารลง
แล้วทางรัฐบาลพม่าก็ได้ประกาศออกมาเพื่อที่จะให้การช่วยเหลือผู้ลี้ภัยสงครามเหล่านี้ขึ้นมา
ค่ายอพยพผู้ลี้ภัยสงครามชาวคะฉิ่นเหล่านี้
มีอยู่สองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งอพยพหนีเข้าไปอยู่ในตัวเมือง
อีกกลุ่มหนีเข้าไปอยู่ในป่าทางพื้นที่การปกครองของ KIA นั้นเอง
ที่รัฐคะฉิ่น ทางด้านพื้นที่พากะนั้น ค่ายอพยพของผู้ลี้สงครามมีอยู่ 39
ค่าย ทางด้านเมียดจีนากับ จ.ปานมอนั้น ค่ายอพยพผู้ลี้ภัยสงคราม มีอยู่ ประมาณ 100
ค่าย ในเขตพื้นที่การปกครองของ KIA นั้น
มีอยู่ประมาณ 30 ค่าย จึงเปิดเผยไว้ในบัญชีของหน.ผู้ลี้ภัยสงครามเหล่านี้
ด้วยจำนวนผู้ลี้ภัยสงครามรวมทั้งหมดได้ดังนี้
คือ ในเขตพื้นที่การปกครองของรัฐบาลนั้น มีผู้อพยพลี้ภัยสงครามอยู่ประมาณ 6
หมื่นคน ในพื้นที่การปกครองของ KIO มีอยู่
ประมาณ
5 หมื่นคน ในการเอาชนะของรัฐบาลพม่า ต่อ KIO ด้วยด้านการทหารนั้น หวังให้ KIO จะได้เสียขวัญกำลังใจลงไป แล้วชาวคะฉิ่นจะได้ตกอยู่ในสภาพของผู้ลี้ภัยสงครามนั้น
จึงมีการดำเนินการผลักดันไปด้วยความคาดหวังนั้นๆอีกด้วย เหล่านักวิเคราะห์กล่าวกัน ด้วยเหตุนั้นเอง
ในช่วงที่เกิดการปะทะกันอย่างดุเดือดอยู่นั้น
ไม่มีการให้การช่วยเหลือผู้ลี้ภัยสงครามเลยแม้แต่น้อย พอถึงเวลาได้กลับมาเจรจาแล้ว
ถึงได้พูดเรื่องการช่วยเหลือขึ้นมา เป็นการที่จะหาผลประโยชน์ทางการเมือง
อย่างแน่นอน ใช่ว่าจะให้การช่วยเหลือด้วยมืออย่างแท้จริง
หน.ของผู้ลี้ภัยสงครามเห็นเป็นเช่นนั้น
ช่วงที่รัฐบาลพม่ากล่าวประกาศออกมาว่าจะให้การช่วยเหลือผู้ลี้ภัยสงครามนั้น ทางด้านพากะของรัฐคะฉิ่นนั้น
กกล.รัฐบาลพม่ายังไล่จับชาวบ้านไปเป็นลูกหาบอยู่อีก ไม่ใช่แค่นั้น ช่วงเย็นของเมื่อวานนี้ ในด่านตรวจซานคาที่อยู่ใน เลิงไคนั้น
กกล.รัฐบาล ได้จับคนเพิ่มอีกประมาณ 40 คน ทางกองพัน ที่ 6 ของ KIA กล่าว
ในนั้นมีสัตรีอยู่ประมาณ 15 คน ผู้เห็นเหตุการนั้นกล่าว นอกจากนั้น ช่วงเที่ยงของวันนี้ ประมาณ 12:00 น. นั้น
ที่หมู่บ้านมะซับปาน ที่ห่างไกลจาก เลิงไค ประมาณ 3 ไมล์นั้น กกล.รัฐบาลได้จับชายหนุ่ม
อายุ ประมาณ 20 ปีกว่า 2 คน
ด้วยเหตุนั้น
รัฐบาลพม่าว่า ให้การช่วยเหลือผู้ลี้ภัยสงครามนั้น แม้จะกล่าวประกาศไว้ด้วยปาก
แต่การลงมือกระทำอย่างแท้จริงนั้น เป็นการขับไล่พวกทำเหมืองพลอยที่จ๊อกไค
และจับผู้เดินทางไปเป็นลูกหาบ แล้วทำการเคลื่อนพลอยู่อีก ผู้ลี้ภัย
สงครามจะได้กลับสู่ภูมิลำเนาอีกนั้น คงจะเป็นไปได้ยาก
หน.ของผู้ลี้ภัยสงครามนั้นกล่าว.....
0 comments:
Post a Comment